ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคลมชักครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เกิดขึ้นจากจุด เริ่มต้นคลินิก โรคลมชัก จนพัฒนาเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคลมชัก ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี มีการพัฒนาการให้บริการ การตรวจวินิจฉัย และการรักษาผู้ป่วยโรคลมชักผ่านเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ควบคู่กับการพัฒนางานวิจัย ด้วยความมุ่งมั่นของทีมแพทย์และบุคลากรของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ส่งผลให้ศูนย์โรคลมชักเป็นต้นแบบทางการแพทย์ด้านโรคลมชักที่ได้การยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
เปลี่ยนทัศนคติสังคมไทยที่มีต่อโรคลมชัก
คนส่วนใหญ่อาจไม่เคยรู้ว่า ความรุนแรงของโรคลมชักนั้นส่งผลกระทบต่อชีวิต การเรียน และอนาคตของผู้ป่วยมากกว่าที่ ใครจะคาดคิด และการรักษาโรคลมชัก อาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อาการชักควบคุมได้ยาก อีกทั้งจำนวนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคลมชัก ก็ยังมีไม่เพียงพอ รศ.ดร.นพ.ชูศักดิ์ ลิโมทัย หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคลมชักครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย ให้ความรู้ว่า “60-70% ของผู้ป่วยโรคลมชัก เราไม่ทราบสาเหตุที่ แน่ชัด พบว่าประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ อาจมีสาเหตุจากความผิดปกติทางพันธุกรรม มี เพียง 30-40% ของผู้ป่วยเท่านั้นที่เราทราบสาเหตุของโรค
ที่แน่ชัด ซึ่งสาเหตุจะแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ เช่น ในเด็ก สาเหตุอาจเกิดจากความผิดปกติของสมองที่เป็นมาแต่กำเนิดหรือการติดเชื้อในสมองในวัยผู้ใหญ่ สาเหตุอาจเกิดจากการที่ เคยได้รับอุบัติเหตุทางสมองมาก่อน หรือในผู้สูงอายุ อาจเกิดจากการที่เคยมีโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน ในขณะที่มีอาการชักจะมีความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมอง อาการชักแต่ละครั้งจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เป็นวินาทีหรือไม่เกิน 1-2 นาที ลักษณะอาการชักจะคล้ายกันทุกครั้ง รูปแบบ
อาการชักอาจมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับหน้าที่ของสมองส่วนที่่ เกี่ยวข้องในขณะที่เกิดอาการชัก เช่น ถ้าขณะชักไฟฟ้าสมองที่ผิดปกติไปรบกวนสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว
รูปแบบอาการชักจะเป็นแบบเกร็งหรือกระตุก ถ้าเป็นส่วนที่รับผิดชอบเรื่องการรับความรู้สึกผู้ป่วยจะมีความรู้สึกที่ผิดปกติ เช่น รู้สึกยิบ ๆ หรือรู้สึกชาครึ่งซีกของร่างกาย ฯลฯ”
“ในขณะชัก ถ้าคลื่นไฟฟ้าสมองที่ผิดปกติรบกวนการทำงานของสมองส่วนการรับรู้ ผู้ป่วยจะไม่รู้ตัวหรือจำอะไรไม่ได้ชั่วขณะ และอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับภยันตรายต่อร่างกายได้ เป็นต้นว่่า ทำให้ล้ม กระแทกได้รับอุบัติเหตุจากการขับรถ หรือผู้ป่วยบางรายอาจไม่ได้รับภยันตรายต่อร่างกาย แต่อาจส่งผลด้านจิตใจ หากเกิดอาการชักในสถานการณ์หรือสถานที่ที่คนรอบข้างไม่เข้าใจโรคนี้ เช่น เกิดอาการชักในที่ทำงาน เพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาอาจไม่เข้าใจ และคิดว่าผู้ที่มีอาการชักไม่มีศักยภาพ ทั้ง ๆ ที่อาการชักเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น แต่ในเวลาที่ไม่มีอาการชักผู้ป่วยเหล่านี้ สามารถทำงานได้ปกติเช่นเดียวกับคนอื่นและเมื่อ ผู้ป่วยต้องเผชิญกับความรู้สึกที่ไม่ดีเหล่านี้อยู่เรื่อย ๆ จะส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่มีศักยภาพ แล้วสุดท้าย ความมั่นใจที่สูญเสียไปอาจทำให้เขาไม่สามารถ ใช้ชีวิต หรือประสบความสำเร็จได้อย่างที่ควรจะเป็น”
รศ.ดร.นพ.ชูศักดิ์ มองว่าทุกวันนี้ทัศนคติของสังคมไทยที่ มีต่อผู้ป่วยโรคลมชักดีขึ้นมากกว่าในอดีต
“เดี๋ยวนี้คนรู้จักโรคลมชักกันมากขึ้น อย่างน้อยหลายคนก็เข้าใจแล้วว่าโรคลมชักเป็นโรคทางสมองต่างกับความเชื่อสมัยก่อนที่ว่าโรคลมชักเป็นโรคทางจิตเวช พอคนมีความรูมากขึ้น ทัศนคติที่มีต่อผู้ป่วยก็ดีขึ้น ถ้าเป็นเด็กก็จะได้การยอมรับให้เรียนหนังสือร่วมกับเด็กปกติ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็สามารถผ่านการรับเข้าทำงาน ผู้ป่วยโรคลมชัก ทุกคนไม่ใช่ว่าเขาจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หรือต้องพึ่งพิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราเลือกยาที่ดี ให้เขาได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาการชักมากกว่า 60-70% ก็คุมได้ด้วยยา ถ้าเขารับประทานยาอยู่ จะไม่มีอาการชัก สามารถ ไปเรียนหนังสือหรือไปทำงานได้ ผมบอกได้เลยว่า ผู้ป่วยที่เดินอยู่ตามถนนหรือแม้แต่คนใกล้ตัวเรา เพื่อนของเรา เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นโรคลมชัก เนื่องจากเขาควบคุมอาการได้ดี
ถึงขั้นที่ว่าทุกวันนี้ ผู้ปกครองของเด็กที่ป่วยโรคลมชักจะบอกคุณครู บอกเพื่อนเลยว่าถ้าฉันชัก คุณจะช่วยฉันอย่างไรให้ถูกวิธี ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ครับ”
ใช้เทคโนโลยีรักษาโรคลมชัก อย่างมีประสิทธิภาพ
รศ.ดร.นพ.ชูศักดิ์ ลิโมทัย กล่าวว่าความโดดเด่นของศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคลมชักครบวงจร อยู่ตรงการนำเอาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาใช้ในการวิ นิจฉัยและการรักษาโรคลมชักที่มีความซับซ้อนรุนแรง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเทียบเท่ามาตรฐานสากล โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้
“เริ่มจากเทคโนโลยีที่เรามีที่เดียวในประเทศไทยนั่น คือ การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองแบบละเอียด 256-channel High-density Electroencephalography หรือ EEG ที่ผ่านมาเวลาเราจะบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อระบุจุดกำเนิด ของการชัก
โดยทั่วไปจะใช้เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองที่มีขั้วไฟฟ้าประมาณ 21-23 ขั้ว แต่ที่ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคลมชักครบวงจร เราบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมองด้วยเครื่องที่มีขั้วไฟฟ้ามากถึง 256 ขั้ว จึงสามารถตรวจได้อย่างละเอียด สามารถระบุจุดชักได้แม่นยำขึ้น ความแม่นยำนี้เองที่จะช่วยให้เราเลือกผู้ป่วยที่เหมาะสม เพื่อรับการรักษาด้วยการผ่าตัด ได้ดียิ่งขึ้น ผู้ป่วยมีโอกาสหายจากการผ่าตัดมากขึ้น”
“ในแง่เทคนิคการรักษาก็เจริญก้าวหน้ากว่าสมัยก่อนมาก เป็นการรักษาด้วยการกระตุ้นสมอง ปัจจุบันมีการใส่เครื่องกระตุ้นสมอง Deep Brain Simulation (DBS) ในผู้ป่วยที่ประเมินแล้วไม่สามารถผ่าตัด นำจุดกำเนิด การชักออกได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยที่อาการชักเกิด จากโรคลมชักชนิดรุนแรง ชักควบคุมได้ยาก มีโอกาสมากขึ้นที่อาการชักจะบรรเทาลง และใช้ชีวิตได้ดีขึ้นหลังใส่เครื่องกระตุ้น”
“อีกเรื่องที่เราภาคภูมิใจก็คือ การจัดตั้งระบบเครือข่ายการดูแลผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลโดยใช้เทคโนโลยีแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่่เรียกว่า เครือข่าย Tele-EEG เนื่องจากมีผู้ป่วยที่ระดับความรู้สึกตัวลดลงนอนอยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ พบว่าส่วนหนึ่งของผู้ป่วยเหล่านี้อาจมีภาวะชักแบบไม่แสดงอาการ (non-convulsive seizure/status epilepticus) ซ่อนอยู่ และเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเหล่านี้มีอาการซึมไม่ตื่น หากไม่สามารถวินิจฉัยภาวะชักแบบไม่แสดงอาการเหล่านี้
และไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยอาจต้องนอนโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน ซึ่งมักตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ หรืออาจนำไปสู่การเสียชีวิต แม้โรงพยาบาลหรือศูนย์การแพทย์บางแห่งจะมีเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง แต่ก็ขาดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการอ่านผล ดังนั้นเราจึงร่วมมือกับโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศทั้งหมด 8 แห่งในทุกภูมิภาค เมื่อมีผู้ป่วยที่มีภาวะซึม โรงพยาบาลที่เข้าร่วมจะทำการติดเครื่องตรวจ
คลื่นไฟฟ้าสมองให้ จากนั้นจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่ประมวลผล แล้วรายงานผลผ่านทางเว็บไซต์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งแนะแนวทางการรักษาให้แพทย์ที่อยู่ปลายทาง ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยภาวะชักแบบไม่แสดงอาการอย่างรวดเร็ว และได้รับการรักษาที่ถูกต้องแม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของสมองของผู้ป่วยดีขึ้น หรือลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตลงได้”
บริจาคสมทบทุนกองทุนศูนย์โรคลมชัก
ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคลมชัก ครบวงจร
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ลดหย่อนภาษี 2 เท่า
สามารถบริจาคได้ 2 ช่องทางผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร
ช่องทางที่ 1
รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
เลขที่บัญชี 045-2-48899-3
(ธ.ไทยพาณิิชย์ ์สภากาชาดไทย)
ช่องทางที่ 2
มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
ข้อมูลโดย:
รศ.ดร.นพ.ชูศักดิ์ ลิโมทัย
หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ โรคลมชักครบวงจร
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย