โรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส สามารถติดต่อระหว่างคนสู่คนผ่านทางการสัมผัสละอองฝอยของระบบทางเดินหายใจได้ โดยผู้ป่วยอาจไม่มีอาการ ไปจนถึงมีอาการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบน หรือเกิดภาวะปอดอักเสบซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตได้ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 มีความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะติดเชื้อโรคทั้ง 2 ชนิดร่วมกันได้ ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่
- ไอ เจ็บคอ คัดจมูกหรือมีน้ำมูก
- ปวดศีรษะ
- มีไข้สูง
- อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- หายใจหอบเหนื่อย เมื่อมีภาวะปอดอักเสบ
ข้อควรเฝ้าระวัง
- โรคไข้หวัดใหญ่มีอาการคล้ายกับโรคโควิด-19 มาก หากมีอาการควรพบแพทย์ทันที
- อาการเบื้องต้นไม่สามารถใช้ในการแยกโรคได้ จึงจำเป็นต้องใช้การตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการเท่านั้น
- การแพร่กระจายของโรคสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสน้ำมูก เสมหะ หรือการไอและจามได้เช่นเดียวกัน
- โรคไข้หวัดใหญ่สามารถเกิดแทรกซ้อนกับโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีอาการรุนแรงและเสียชีวิต
- จึงควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อป้องกัน
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่มี 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ และชนิด 4 สายพันธุ์
- ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปื ในช่วงเดือนพฤษภาคมและตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่
- ประชาชนทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรง ได้แก่ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ โรคตับ โรคตวายเรื้อรัง เป็นต้น ผู้ป่วยมีความผิดปกติทางระบบประสาท ผู้ป่วยโรคเลือด ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคอ้วน และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ
ข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2564
ที่มา : อ. นพ.จักกพัฒน์ วนิชานันท์