จากความเข้าใจของหลายๆ ท่านโรคสมองเสื่อมกับการก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุนั้นอาจดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่มาคู่กัน จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าสำหรับการป้องกันโรคนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความเสี่ยงบางประการที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคสมองเสื่อมเร็วกว่าวัยนั้น สามารถป้องกันหรือชะลอระยะเวลาการเกิดอาการดังกล่าวได้ “ฟิตเนสสำหรับฝึกสมองผู้สูงอายุ” จึงเป็นไอเดียที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่จะช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ
ผศ.นพ.สุขเจริญ ตั้งวงษ์ไชย หัวหน้าศูนย์ฝึกสมองโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่าการบำบัดรักษาผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมแล้วนั้นเป็นไปได้ยากและไม่หายขาด อีกทั้งประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โรคสมองเสื่อมจึงเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากขึ้น เราจะพบว่าผู้สูงอายุที่เกษียณจากการทำงานแล้วอยู่ติดบ้านไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ก็จะเกิดอาการเฉาหรือซึมเศร้าและหลงลืมได้ง่าย ทั้งนี้กลุ่มอาการสมองเสื่อมก็คือการเสื่อมถอยของการรู้คิด (Cognition) ซึ่งเป็นกระบวนการของสมองที่จะรับรู้ จัดการข้อมูล และตอบสนองต่อข้อมูลนั้นได้อย่างเหมาะสม สำหรับ “ภาวะสมองเสื่อม” และ “โรคสมองเสื่อม” นั้นมีสาเหตุที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุที่เป็นโรคภูมิแพ้ เมื่อรับประทานยาแก้แพ้บางชนิดก็อาจเกิดผลข้างเคียงจากตัวยาที่มีฤทธิ์ทำให้ประสิทธิภาพในการจดจำลดลง แต่หากหยุดรับประทานยาภาวะสมองเสื่อมก็จะหายไป แต่สำหรับกลุ่มโรคสมองเสื่อมนั้นมักจะเกิดจากความชราหรือความเสื่อมถอยของระบบประสาท ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ รองลงมาคือ โรคหลอดเลือดสมอง Cognitive Fitness Center หรือฟิตเนสฝึกสมองผู้สูงอายุ ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ฝึกสมองโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เกิดจากการทำงานร่วมกันของจิตแพทย์ และประสาทแพทย์ด้วยยุทธศาสตร์เชิงป้องกัน โดยให้การดูแลกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมในอนาคต ผู้ที่มาเข้ารับบริการจึงมี 2 กลุ่มใหญ่ คือผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ซึ่งยังไม่ได้เป็นโรคสมองเสื่อมสามารถเดินทางไปกลับเองได้ ไม่ต้องมีผู้ดูแลเพราะการมาทำกิจกรรมต่างๆ นอกสถานที่เช่นนี้ อาจจะเกิดความเสี่ยงในการหกล้ม การหลงทาง หรือหายออกไปจากบ้าน และกลุ่มที่เริ่มมีความเสี่ยงแต่ยังไม่เป็นโรคสมองเสื่อม ซึ่งเป็นการรู้คิดหรือสมรรถภาพสมองเสื่อมเล็กน้อย ในทางการแพทย์เราเรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่มผู้ป่วย Mild Cognitive Impairment หรือ MCI
สำหรับกิจกรรมแต่ละวันที่ให้บริการจะแบ่งออกเป็นช่วงเช้า 2 กิจกรรม เริ่มตั้งแต่เวลา 9.00 น. และช่วงบ่าย 1 กิจกรรม กิจกรรมละ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเสร็จสิ้นในเวลา 14.00 น. ดังนั้นในหนึ่งสัปดาห์จะมีทั้งสิ้น 15 กิจกรรมที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นสมรรถภาพสมองทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากหน้าที่ของสมองมีความซับซ้อนมาก ดังนั้นการฝึกสมองมันไม่ได้ฝึกเรื่องความจำเท่านั้น แต่กิจกรรมต่างๆ ยังต้องช่วยในการฝึกสมาธิ ฝึกการรับรู้ ฝึกการคิด การวางแผนการตัดสินใจ รวมไปถึงการเข้าสังคมด้วย ตัวอย่าง กิจกรรม เช่น ดนตรีบำบัด การฝึกร้องเพลงงานศิลปะ การออกกำลังกาย การฝึกโยคะ หรือชี่กง เป็นต้น อีกทั้งกิจกรรมแบบกลุ่ม ได้แก่ Creative Movement Therapy เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายโดยได้รับความร่วมมือจากกลุ่มคนทำละครเวทีที่เข้ามาช่วยออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีกิจกรรมที่หลากหลายผู้สูงอายุสามารถเลือกกิจกรรมที่จะเข้าร่วมตามความชอบได้ด้วย
การฝึกสมองมันไม่ได้ฝึกเรื่องความจำเท่านั้น แต่กิจกรรมต่างๆ ยังต้องช่วยในการฝึกสมาธิ ฝึกการรับรู้ ฝึกการคิด การวางแผนการตัดสินใจ รวมไปถึงการเข้าสังคมด้วย
และอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ นั่นก็คือ MOVIE CLUB หรือโครงการภาพยนตร์เพื่อผู้สูงอายุ โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อคุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ ได้มาเยี่ยมชมศูนย์ฝึกสมองแห่งนี้ และเกิดความคิดว่าอยากจะทำกิจกรรมนี้ให้ชัดเจนและโดดเด่นยิ่งขึ้น จึงประสานงานไปยังหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และกำหนดให้ฉายภาพยนตร์เดือนละ 1 เรื่อง เมื่อผู้สูงอายุมาชมภาพยนตร์นอกจากจะก็ได้รับความบันเทิงและข้อคิดกลับบ้านไปแล้ว สำคัญคือกิจกรรมนี้ทำให้ได้ออกจากบ้านมาเจอเพื่อนเหมือนสมัยวัยรุ่น ที่เคยชวนเพื่อนไปดูหนัง ดังนั้นการฉายภาพยนตร์จึงเปรียบเสมือนการนัดพบกันอย่างหนึ่ง ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในกิจกรรมนี้ คือ “The Theory of Everything” ซึ่งสอนให้ผู้สูงอายุมีกำลังใจ และมีความหวังในการใช้ชีวิต ในระยะแรกของการให้บริการทางศูนย์ฝึกสมองได้ตั้งเป้าหมายในด้านจำนวนผู้รับบริการไว้ประมาณ 10 คน เท่านั้น แต่หลังจากเปิดบริการได้ประมาณ 2-3 เดือน ก็พบว่า มีผู้ให้ความสนใจและตอบรับกิจกรรมของเกินความคาดหมาย ทำให้ปัจจุบันมีผู้สูงอายุมารับบริการฝึกสมองประมาณ 17 – 18 คน ต่อวัน บางวันก็มีมากถึง 30 คนเลยทีเดียว
สำหรับเรื่องของอาหารการกินที่หลายๆ ท่านพยายามหายาอายุวัฒนะขนานต่างๆ มารับประทาน เพื่อชะลอการเสื่อมของระบบการทำงานของสมองนั้น ผศ.นพ.สุขเจริญ กล่าวว่าการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม ลดอาหารจำพวกไขมัน และอาหารรสจัดรวมถึงการเสริมสร้างโปรตีนให้กับร่างกาย ก็เรียกได้ว่าเป็นการบำรุงสมองเช่นกัน บางท่านที่รับประทานมังสวิรัติก็ต้องพึงระวัง เนื่องจากร่างกายอาจขาดสารอาหารบางชนิด ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย เช่น โปรตีนในพืชจะไม่มีวิตามินบี ที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง ทำให้ต้องรับประทานวิตามินเสริมด้วย
สำหรับท่านที่สนใจกิจกรรมภาพยนตร์เพื่อผู้สูงอายุ สามารถติดตามรอบฉายได้ทางเฟสบุ๊ก Cognitive Fitness Center หรือสนใจกิจกรรมอื่นๆ ของศูนย์ฝึกสมอง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สามารถติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 02 256 4000 ต่อ 70710, 70711