โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

Search
Close this search box.

อาการท้องเสียที่สัมพันธ์กับการใช้ยาปฏิชีวนะ

เคยสังเกตตัวเองมั้ยว่า กินยาปฏิชีวนะแล้ว มักพบอาการท้องเสียเกิดขึ้นตามมา

จะนำทุกท่านไปรู้จักกับอาการท้องเสียที่สัมพันธ์กับการใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic-associated Diarrhea) ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น พร้อมทั้งมีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด มักจะเกิดกับยาปฏิชีวนะตัวใดบ้าง รวมถึงมีวิธีป้องกันหรือการแก้ไขอย่างไร

สาเหตุ

เนื่องจากยาปฏิชีวนะที่ร่างกายได้รับจะเข้าไปรบกวนหรือเปลี่ยนแปลงสมดุลของแบคทีเรียธรรมชาติที่อาศัยอยู่ในลำไส้ ส่งผลให้ปริมาณเชื้อแบคทีเรียธรรมชาติในลำไส้ลดลง ทำให้เชื้อก่อโรคเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น สร้างและหลั่งสารพิษทำให้ลำไส้ไม่สามารถดูดซึมคาร์โบไฮเดรต หรือไม่สามารถย่อยสลายน้ำดีได้ รวมถึงยาปฏิชีวนะบางชนิดจะกระต้นุ การเคลื่อนไหวของลำไส้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเชื้อที่พบว่าเป็นสาเหตุประมาณ 1 ใน 3 คือ เชื้อคลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์ (C. difficile)

อาการ

  • อาการไม่รุนแรง จะมีอาการท้องเสีย หรือถ่ายเป็นน􀄞้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมง
  • อาการรุนแรง จะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ มีเลือดปนในอุจจาระ ปวดท้อง

โอกาสในการเกิด

พบได้ร้อยละ 5 – 25 ของผู้ป่วยที่ได้รับยาปฏิชีวนะ โดยอาจเกิดได้ตั้งแต่ช่วงต้นของการได้รับยาจนถึงภายหลังหยุดยาไปแล้วประมาณ 2 เดือน ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่

  1. ชนิดของยาปฏิชีวนะที่ผู้ป่วยได้รับ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ
    ที่ออกฤทธิ์กว้าง
  2. ผู้ป่วยสูงอายุ (อายุมากกว่า 65 ปี)
  3. ผู้ป่วยที่มีประวัตินอนโรงพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤติ หรือนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนานมากกว่า 4 สัปดาห์
  4. ผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
  5. ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน หรือยาเคมีบำบัด
  6. ผู้ที่ใส่สายยางให้อาหารทางจมูก หรือได้รับการทำหัตถการของระบบทางเดินอาหาร
  7. ผู้ที่มีประวัติเคยติดเชื้อคลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์ (C. difficile)
  8. ผู้ที่มีประวัติการใช้ยาลดกรด

ยาปฏิชีวนะใดบ้างที่พบว่ามีอุบัติการณ์บ่อย

  • ยาคลินดาไมซิน
  • ยากลุ่มเพนนิซิลลิน เช่น แอมพิซิลลิน, อะม็อกซิซิลลิน, อะม็อกซิซิลลิน/คลาวูลานิก แอซิด เป็นต้น
  • ยากลุ่มเซฟาโลสปอริน เช่น เซฟิซิม, เซฟดิเนียร์ เป็นต้น
  • ยากลุ่มฟลูโอโรควิโนโลน เช่น ซิโพรฟล็อกซาซิน, ลีโวฟล็อกซาซิน, ม็อกซิฟล็อกซาซิน เป็นต้น

การรักษาและป้องกัน

การรักษา :

ส่วนใหญ่มักดีขึ้นและหายได้เองหลังหยุดใช้ยาปฏิชีวนะ แต่หากพบว่ามีอาการรุนแรง แพทย์จะพิจารณาให้สารนํ้าทดแทนและให้การรักษาที่เหมาะสมทันที

การป้องกัน :

  1. ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะใช้เอง
  2. หากใช้ยาปฏิชีวนะแล้วพบอาการท้องเสีย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

อาการท้องเสียที่สัมพันธ์กับการใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช่อาการแพ้ยา
แต่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อย สามารถป้องกันหรือบรรเทาความรุนแรงได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

รักษาโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน

วิธีการรักษาโรคมะเร็งด้วยรังสี ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะยกระดับมาสู่ "เครื่องเร่งอนุภาคโปรตอน"

5 โรคติดเชื้อในเด็กที่ควรระวังในฤดูหนาว

โรคติดเชื้อในเด็กในช่วงฤดูหนาวมี 3 กลุ่มโรคและ 5 โรคสำคัญคือ โรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจได้แก่ โควิด-19 (COVID-19) โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้ออาร์เอสวี (RSV) โรคติดเชื้อของระบบทางเดินอาหารได้แก่ โรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า และโรคไข้ออกผื่นได้แก่ โรคอีสุกอีใส

รู้จักมะเร็งในช่องปาก

ปัจจัยเสี่ยงใดบ้างที่ทำให้เกิดโรค มะเร็งช่องปาก รวมถึงวิธีการรักษาและการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง

ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์